คำปราศรัยของ ชวาหะร์ลาล เนห์รู ต่อที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงเดลี คืนวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947

แปล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. จิรยุทธ์ สินธุพันธุ์

คณะนิเทศศาสตร์ และ สถาบันเอเชียศึกษา

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำปราศรัยของ ชวาหะร์ลาล เนห์รู ต่อที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติอินเดียในช่วงค่ำคืนของวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947 ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาเที่ยงคืนที่เป็นกำหนดที่อินเดียจะได้รับเอกราชนั้นถือว่าเป็นวาทะชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20 คำปราศรัยที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “A Tryst with Destiny – นัดหมายกับโชคชะตา” ฉายภาพให้เราเห็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ผ่านมานับพันปี มาจนถึงชัยชนะของอินเดียเหนือการปกครองของอังกฤษ ทุกครั้งที่เราได้อ่านหรือฟังวาทะของชวาหะร์ลาล เนห์รูชิ้นนี้ มันก็จะสามารถกระตุ้นความภาคภูมิใจและอารมณ์ฮึกเหิมที่จะช่วยนำชาติอินเดียไปสู่อนาคตอันเรืองรอง

การต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียนั้นดำเนินต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ ตลอดเวลารัฐบาลอังกฤษพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งขบวนการเคลื่อนไหวดังกล่าว ทั้งการใช้กำลังและการใช้นโยบายแบ่งแยกเพื่อปกครอง แต่สงครามโลกครั้งที่สองได้ทำสถานการณ์เปลี่ยนไป ภายหลังสงครามอังกฤษต้องจำยอมปล่อยอาณานิคมโพ้นทะเลอย่างอินเดียให้หลุดจากมือ อย่างไรก็ตามเมื่อวันประกาศอิสรภาพของอินเดียใกล้มาถึง รอยร้าวทางความคิดของกลุ่มผู้นำขบวนการเรียกร้องอิสรภาพอินเดียก็ปรากฏเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าด้วยอนาคตของอินเดียหลังจากที่อังกฤษกลับออกไปแล้ว มหาตมา คานธีต้องการอินเดียที่ไม่แบ่งแยก ในขณะที่ทางฝ่ายของมูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ก็นำเสนอแนวคิดสองรัฐชาติ (Two-Nations Theory) ที่เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองหรือสถาปนารัฐชาติอิสระให้แก่ประชากรมุสลิม เมื่อการเจรจาระหว่างผู้นำพรรคคองเกรส ผู้นำสันนิบาตมุสลิม รัฐบาลอังกฤษ และฝ่ายมหาตมา คานธีไม่เป็นผล รัฐอังกฤษบาลอังกฤษจึงตัดสินใจแบ่งอาณานิคมอินเดียออกเป็นสองประเทศ โดยกำหนดให้พระราชบัญญัติเอกราชของอินเดีย (รวมทั้งปากีสถาน) มีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1947

ในค่ำคืนของวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947 ที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติอินเดียจึงได้นัดหมายประชุมเพื่อเฝ้ารอวันใหม่และเอกราชของอินเดียร่วมกัน เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืน ชวาหะร์ลาล เนห์รูก็กล่าวคำปราศรัยที่เต็มไปด้วยโวหารภาพพจน์เยี่ยงบทกวี เนห์รูเปรียบเปรยเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนว่าเป็นเวลานัดหมายของทุกคนในชาติกับโชคชะตา และวาดภาพเอกราชของอินเดียว่าเปรียบดั่งการก้าวเข้าสู่วันใหม่ เนห์รูใช้เวลาในการพรรณนาและสรุปเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย รวมทั้งอธิบายให้ผู้ฟังของเขาตระหนักว่าตัวตนและเป้าหมายของอินเดียนั้นคืออะไร เนห์รูใช้สรรพนามแทนอินเดียว่า “เธอ” เป็นการใช้บุคลาธิษฐานสร้างอินเดียให้มีเลือดเนื้อและความรู้สึก สถาปนาสถานภาพ “ความเป็นแม่” ของประชากรทุกคนในชาติให้แก่อินเดีย

ผ่านคำปราศรัยที่งดงามยิ่งชิ้นนี้ เนห์รูได้ช่วยนำทางให้ชาวอินเดียสู่ความเป็นเอกราช ย่างก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ไปพร้อมกับมารดาอินเดียที่กำลังตื่นนิทราขึ้นมาในแสงอรุณของวันใหม่

ชวาหะร์ลาล เนห์รู – जवाहरलाल नेहरू – Jawaharlal Nehru

หลายปีมาแล้วพวกเราได้นัดหมายกับโชคชะตา และบัดนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะมาไถ่ถอนคำมั่นสัญญานั้น อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดหรือเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็เป็นเนื้อเป็นหนังอย่างมาก เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน ขณะที่ทั้งโลกกำลังหลับใหล อินเดียก็จะตื่นมามีชีวิตและเสรีภาพ

โอกาสมาถึงแล้ว ทั้งที่ไม่ใคร่จะมาถึงได้บ่อยครั้งนักในประวัติศาสตร์ มันคือโอกาสให้เราก้าวเดินออกจากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ ณ ขณะที่ยุคสมัยหนึ่งสิ้นสุดลงและจิตวิญญาณของชาติที่ถูกกดขี่มาเป็นเวลานานได้ค้นพบเสียงของตนเอง ในห้วงเวลาอันควรสำรวมเยี่ยงนี้ มันสมควรที่พวกเราจะให้คำสัตย์ว่าจะอุทิศตนเพื่อรับใช้อินเดีย ประชาชนของเธอ และเพื่อรับใช้เป้าหมายของมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่เกินกว่านั้น

ณ รุ่งอรุณแห่งประวัติศาสตร์ อินเดียได้เริ่มต้นการแสวงหาที่ไม่มีวันจบสิ้น ศตวรรษอันเหลือคณนานับอัดแน่นไปด้วยการต่อสู้ดิ้นรน ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ตลอดจนความล้มเหลวของเธอ ทั้งโชคดีและโชคร้ายที่ผ่านเข้ามาเธอก็ไม่เคยละสายตาจากการค้นหาหรือหลงลืมอุดมคติที่มอบความเข้มแข็งให้แก่เธอ ห้วงเวลาแห่งโชคร้ายนั้นจะสิ้นสุดลงในวันนี้และอินเดียก็จะค้นพบตัวเองอีกครั้ง ความสำเร็จที่เราเฉลิมฉลองกันในวันนี้เป็นเพียงก้าวแรก เป็นทวารที่เบิกไปสู่โอกาส สู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าและความสำเร็จที่รอเราอยู่ข้างหน้า พวกเราจะหาญกล้าและมีปัญญาพอที่จะฉวยโอกาสนี้ไว้และยอมรับสิ่งท้าทายในอนาคตกันหรือไม่? เสรีภาพและอำนาจนั้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบนั้นเป็นของที่ประชุมแห่งนี้ องค์รัฏฐาธิปัตย์อันเป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยของประชาชนอินเดีย ก่อนที่เสรีภาพจะถือกำเนิดขึ้นมา พวกเราต้องฝืนทนกับความเจ็บปวดจากแรงกายและหัวใจของพวกเราก็หนักอึ้งด้วยความทรงจำแห่งโศกา ความเจ็บปวดบางอย่างนั้นยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ กระนั้นอดีตก็ได้ผ่านพ้นไปแล้วและมันยังมีอนาคตที่กำลังกวักมือเรียกเราอยู่

อนาคตไม่ใช่เรื่องง่ายหรือแขวนไว้กับการดิ้นรนที่ไม่หยุดหย่อนเพื่อทำตามคำมั่นที่เราเคยได้ให้ไว้ก่อนหน้าหรือที่กำลังจะให้อีกครั้งในวันนี้ การรับใช้อินเดียหมายถึงการรับใช้ผู้ทุกข์ระทมหลายล้านคน มันหมายถึงการขจัดความยากจนและอวิชชาและโรคภัยและโอกาสอันไม่เทียมกัน ความปรารถนาแรงกล้าของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยของเราคือการเช็ดคราบน้ำตาจากดวงตาทุกคู่ การนั้นมันอาจจะเกินเอื้อมของเรา แต่ตราบใดที่ยังมีน้ำตาและความทุกข์ยากอยู่ ตราบนั้นงานของเราก็จะไม่สิ้นสุดลง ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องลงแรงและทำงาน ทำงานหนักเพื่อให้ฝันของเราเป็นจริง ความฝันเหล่านั้นมีเพื่ออินเดียแต่มันก็มีเพื่อโลกด้วย เพื่อนานาชาติและเพื่อผู้คนที่ทุกวันนี้ผูกผันด้วยกันอย่างแนบแน่นกระทั่งไม่สามารถจะจินตนาการได้ว่าจะต่างคนต่างอยู่ได้อย่างไร สันติภาพนั้นไม่สามารถแบ่งแยกได้ เช่นเดียวกันกับอิสรภาพ เช่นเดียวกันกับความสมบูรณ์พูนสุขในวันนี้ และเช่นเดียวกันกับหายนะภัยภายในโลกใบเดียวกันนี้ที่มิควรที่จะถูกแบ่งแยกเป็นส่วนๆ ให้อยู่โดยโดดเดี่ยวอีกต่อไป ถึงประชาชนชาวอินเดียที่พวกเราต่างก็เป็นตัวแทน เราของเชิญชวนให้พวกท่านได้มาร่วมศรัทธาและเชื่อมั่นในการผจญภัยครั้งใหญ่นี้ เวลานี้หาใช่เวลาสำหรับการวิจารณ์ด้วยใจคับแคบและบ่อนทำลาย หาใช่เวลาสำหรับอาฆาตมาดร้ายหรือกล่าวโทษผู้อื่น เราจักต้องสร้างนิวาสอันประเสริฐของอินเดียเสรีที่บรรดาลูกๆ ของเธอจะได้พำนักอาศัย วันเวลาที่ถูกกำหนดไว้ได้มาถึงแล้ว วันเวลาที่ถูกกำหนดโดยชะตากรรม และอินเดียก็ยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้งหลังจาการหลับไหลและการต่อสู้อันเนิ่นนาน ฟื้นตื่นขึ้น มีชีวิต เสรี และเป็นเอกราช อดีตนั้นยังคงเกาะติดอยู่กับตัวเราอยู่บ้างและเรายังต้องทำอะไรอีกมากก่อนที่เราจะได้ไถ่ถอนคำมั่นสัญญาที่เราได้ให้ไว้กันบ่อยครั้ง กระนั้นเราก็ได้ผ่านจุดผกผันมาแล้วและประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเรา ประวัติศาสตร์ที่พวกเราจะใช้ชีวิตและทำหน้าที่และที่ผู้อื่นจะเขียนถึงมัน

มันเป็นห้วงเวลาแห่งโชคชะตาสำหรับพวกเราในอินเดีย สำหรับทั่วเอเชียและโลก ดาวดวงใหม่ได้อุบัติขึ้น ดวงดาวแห่งอิสรภาพเบื้องทิศตะวันออก ความหวังใหม่ได้ก่อตัวขึ้น นิมิตที่เฝ้าทะนุถนอมกันนานกำลังก่อร่างเป็นตัวตน ขอให้ดาวดวงนี้จงลอยอยู่เหนือท้องฟ้าชั่วนิรันดร์และขอให้ความหวังของเราไม่ถูกทรยศ เราปีติยินดีในเสรีภาพนั้นแม้จะยังมีเมฆหมอกปกคลุม ประชาชนของเราจำนวนไม่น้อยยังโศกเศร้าอาดูรและปัญหาอันยากยิ่งก็รุมล้อมเรา แต่เสรีภาพนั้นก็มากับความรับผิดชอบและภาระที่พวกเราจะต้องเผชิญด้วยจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้เสรีและมีวินัย ในวันนี้ดวงจิตของเรานั้นขอรำลึกถึงสถาปนิกแห่งอิสรภาพเป็นท่านแรก บิดาแห่งชาติของเรา ผู้สวมจิตวิญญาณแห่งอินเดียโบราณ ชูคบเพลิงแห่งอิสรภาพขึ้นสูงและส่องสว่างให้แก่ความมืดมิดรอบตัวเรา พวกเรามักจะเป็นผู้ตามที่ไม่คู่ควรกับท่านและออกนอกลู่นอกทางจากถ้อยคำของท่าน แต่ก็จะไม่ได้เพียงแค่พวกเราเท่านั้นที่จะจดจำถ้อยคำนี้ คนรุ่นหลังจากเราก็รำลึกและจดจำรอยประทับของบุตรแห่งอินเดียผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา กำลัง ความกล้าหาญและความอ่อนน้อมอันยิ่งใหญ่ท่านนี้ไว้ในใจ เราจะไม่ยอมให้คบเพลิงแห่งอิสรภาพนี้มอดดับแม้ลมจะแรงกล้าหรือพายุจะโหมกระหน่ำสักเพียงใด

ถัดจากนั้นดวงจิตของเราก็จะต้องรำลึกถึงอาสาสมัครผู้ไร้นามและนักสู้แห่งอิสรภาพผู้ซึ่งรับใช้อินเดียจนชีวิตหาไม่โดยปราศจากคำชื่นชมหรือรางวัล เรารำลึกถึงพี่ชายและน้องสาวของพวกเราที่ต้องถูกตัดขาดจากเราด้วยพรมแดนทางการเมืองและไม่อาจจะมาร่วมยินดีต่ออิสรภาพที่มาถึงพร้อมกันกับเราได้เช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเราและก็จะยังคงเป็นตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และพวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาทั้งในชะตาดีและชะตาร้าย อนาคตกำลังกวักมือเรียกเรา เราจะไปที่ไหนกันหรือเราจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร? เราจะนำอิสรภาพและโอกาสมาสู่คนทั่วไป มาสู่ชาวนาและแรงงานของอินเดีย เราจะต่อสู้และกวาดล้างความยากจน อวิชชาและโรคภัย เราจะสร้างชาติอันมั่งคั่ง เป็นประชาธิปไตยและก้าวหน้า เราจะก่อตั้งสถาบันทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองที่จะประกันความยุติธรรมและชีวิตอันสมบูรณ์ให้แก่บุรุษและสตรีทุกคน

มีงานยากรอเราอยู่ข้างหน้า พวกเราทุกคนจะไม่มีวันพักผ่อนจนกว่าเราจะสามารถไถ่ถอนคำมั่นสัญญาของพวกเราได้หมด จนกว่าพวกเราจะสามารถนำโชคชะตามาสู่ประชาชนชาวอินเดียได้ดั่งลิขิต พวกเราเป็นพลเมืองของชาติอันยิ่งใหญ่ที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าอย่างหาญกล้า และพวกเราก็จะต้องทำให้สมกับมาตรฐานอันสูงยิ่งนี้ พวกเราทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ต่างก็คือบุตรธิดาแห่งอินเดียผู้มีสิทธิ ศักดิ์ และภาระหน้าที่อันเสมอภาคกัน เราไม่สามารถที่จะสนับสนุนความลัทธิชาติพันธ์นิยมหรือความคิดอันคับแคบใดๆ ด้วยชาติจะไม่สามารถเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ได้หากประชาชนนั้นมีความคิดและการกระทำอันคับแคบ แด่นานาชาติและพลเมืองของโลก พวกเราขอส่งคารวะและให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความร่วมมือกับพวกเขาในการเสริมสร้างสันติภาพ เสรีภาพและประชาธิปไตย และแด่อินเดีย แผ่นดินแม่อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ดินแดนอันเก่าแก่ อันเป็นนิรันดร์และสดชื่นรออยู่เสมอ พวกเราขอสักการะด้วยใจเคารพและขอผูกพันธะใหม่เพื่อรับใช้เธอ

ชัย ฮินด

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การพัฒนาความเชี่ยวชาญเอเชียใต้ศึกษา South Asian Experts”

ที่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *