Democratic Socialist Republic of Sri Lanka
Data & Information

GENERAL INFORMATION
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและแยกออกจากพื้นทวีปของอินเดียประมาณ 80 กิโลเมตร โดยมีอ่าวแมนนาร์และช่องแคบพอล์คคั่นกลาง ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดอ่าวเบงกอล ทิศใต้และทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรอินเดีย โดยประเทศมีลักษณะเป็นรูปหยดน้ำหรือไข่มุก มีพื้นที่ประมาณ 65,610 ตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลยาว 1,340 กิโลเมตร
เมืองหลวง กรุงโคลัมโบ (Colombo)
ภูมิอากาศ มีภูมิอากาศแบบเขตร้อนและอบอุ่น โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเล มีความหนาวเย็นเล็กน้อยบริเวณภูเขา บนพื้นราบอุณหภูมิเฉลี่ย 26.4 องศาเซลเซียส ในพื้นที่หุบเขาอุณหภูมิประมาณ 19.7 องศาเซลเซียส
ประชากร 22,889,201 คน (2020)
ภาษา สิงหล (Sinhala) ร้อยละ 75 ทมิฬ (Tamil) ร้อยละ 18 และภาษาอื่นๆ ร้อยละ 8
ศาสนา พุทธ ร้อยละ 69.3 ฮินดู ร้อยละ 13.6 อิสลาม ร้อยละ 9.8 และ คริสต์ ร้อยละ 7.3
เชื้อชาติ ชาวสิงหล (Sinhalese) ร้อยละ 74 ชาวทมิฬศรีลังกา (Sri Lankan Tamil) ร้อยละ 11.2 ชาวมัวร์ศรีลังกา (Sri Lankan Moors) ร้อยละ 9.2 ชาวทมิฬอินเดีย (Indian Tamil) ร้อยละ 4.2 และอื่นๆ ร้อยละ 0.5
GENERAL INFORMATION
สกุลเงิน รูปีศรีลังกา (Sri Lanka Rupee/LKR)
อัตราแลกเปลี่ยน 1 รูปีศรีลังกา = 0.17013 บาท
การขอวีซ่า สามารถยื่นเรื่องสมัครวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ (ETA) ได้ใน http://www.eta.gov.lk หรือสามารถเดินทางไปยื่นขอวีซ่าได้ที่สถานทูตศรีลังกา สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยสามารถ สามารถพำนักในประเทศศรีลังกาด้วยวีซ่าระยะสั้นจากการดำเนินการทางออนไลน์ 30 วัน นับจากวันที่เข้าประเทศและสามารถขยายได้ถึง 6 เดือน ควรดำเนินการขอวีซ่าล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันก่อนการเดินทาง การดำเนินการอาจใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันทำการ
วันสำคัญ วันชาติ 4 กุมภาพันธ์
ระบอบการเมือง ระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ
ประธานาธิบดี โคฐาภยะ ราชปักษา (Gotabaya Rajapaksa) 2562-ปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี มาฮินดา ราชปักษา (Mahinda Rajapaksa) 2562-ปัจจุบัน
อุตสาหกรรมหลัก สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณี เครื่องหนัง ปิโตรเลียม ธุรกิจด้านการบริการและการส่งออก
สินค้านำเข้า ปิโตรเลียม, สิ่งทอ, เครื่องจักรและอุปกรณ์การขนส่ง, วัสดุก่อสร้าง, แร่โลหะพื้นฐาน
สินค้าส่งออก ชาซีลอน เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ บริการด้านไอทีและ BPO อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์เซรามิกและเครื่องเคลือบ และ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
นำเข้าสินค้าจาก อินเดีย ร้อยละ 22, จีน ร้อยละ 19.9 , สิงคโปร์ ร้อยละ 6.9, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร้อยละ 5.7, ญี่ปุ่น ร้อยละ 4.9
ส่งออกสินค้าไป สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 24.6, สหราชอาณาจักร ร้อยละ 9, อินเดีย ร้อยละ 5.8, สิงคโปร์ ร้อยละ 4.5, เยอรมนี ร้อยละ 4.3, อิตาลี ร้อยละ 4.3
GDP 2.7 (2019)

HISTORY
ชาวพื้นเมืองจากอินเดียอพยพเข้าสู่ศรีลังกาการอพยพครั้งแรกของพวกเขาครอบคลุมช่วงเวลาประมาณศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตศักราชถึงประมาณปี ค.ศ. 1200 โดยกลุ่มชนชนแรกที่อพยพเข้ามาเป็นกลุ่มชนที่พูดภาษาอินโด-อารยันก่อนจะพัฒนากลายเป็นภาษาสิงหลในภายหลัง ต่อมากลุ่มชนที่พูดภาษาทมิฬอพยพลงมาจากพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ของอินเดีย ในช่วงประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล ถึงประมาณปีค.ศ. 1000 มีการเข้ามาของพระพุทธศาสนา และเริ่มมีการสร้างอารยธรรมขึ้น อาณาจักรที่สำคัญอาณาจักรแรก คือ เมืองอนุราธปุระ (Anuradhapura) เป็นอาณาจักรที่เริ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบชลประทาน มีการทำเกษตรเป็นหลังและพุทะศาสนารุ่งเรือง ก่อนจะล่มสลายลงด้วยสงครามและถูกยึดโดยกบฎโซลา ถัดจากนั้น อาณาจักรที่สำคัญอาณาจักรที่สองซึ่งอยู่ในช่วง ค.ศ.1070 -1200 คือ ยุคสมัยของอาณาจักรโปโลนนารุวะ (Polonnaruwa) เป็นยุคสมัยที่มีอำนาจและรุ่งเรือง มีการสร้างกองเรือที่เดินทางไปถึงพม่าและสามารถบุกยึดอาณาจักรพันด์ยัน (Pandyan Kingdom) ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาวทมิฬในบริเวณอินเดียตอนใต้ ทว่าในช่วงปลายยุคสมัยก็ถูกชาวทมิฬตอนเหนือลงมายึดและก่อสร้างอาณาจักรในศรีลังกาได้ในช่วงศตวรรษที่ 14
ในศตวรรษที่ 16 จึงมีการเข้ามาของโปรตุเกส ในช่วง ค.ศ.1505-1658 (พ.ศ. 2048-2201) โดยเริ่มแรกเป็นการพยายามเข้ามาควบคุมพื้นที่การค้าทางทะเล ซึ่งแต่เดิมการค้าขายในมหาสมุทรอินเดียถูกควบคุมจัดการโดยพ่อค้าชาวอาหรับ อินเดีย มาเลย์ และจีน กระทั่งที่กองเรือพร้อมอาวุธของโปรตุเกสเข้ามาจึงควบคุมน่านน้ำไว้ได้ทั้งหมด ในปีค.ศ. 1517 ชาวโปรตุเกสได้สร้างป้อมปราการขึ้นที่เมืองโคลัมโบ และค่อยๆ ขยายการควบคุมพื้นที่ชายฝั่ง จึงเกิดการปะทะระหว่างชนพื้นเมืองกับโปรตุเกส ต่อมาในปี 1592 หลังจากการสู้รบกับโปรตุเกสเป็นระยะเวลานานหลายสิบปี พระเจ้าวิมลมาศสุริยะฉัน (Vimala Dharma Suriya ) แห่งอาณาจักรจาฟฟ์นา (Jaffna) ได้ย้ายอาณาจักรไปยังเมืองกัณฏี (Kandy) เพื่อป้องกันเมืองจากการถูกโจมตี แต่ในปีค.ศ. 1619 ก็ต้องพ่ายแพ้และถูกโปรตุเกสเข้ายึดครอง จากนั้นจึงรวมศรีลังกาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอินเดียโปรตุเกส (the Portuguese Estado da India)
ในศตวรรษที่ 17 ชาวดัตช์เข้ามาปกครองศรีลังกาในช่วงปีค.ศ. 1658-1796 เริ่มต้นเป็นการร่วมมือกันระหว่างกษัตริย์ศรีลังกากับบริษัท ดัตช์อีสต์อินเดีย เพื่อผลักดันโปรตุเกสออกไป แต่หลังจากได้สิทธิในการค้าขายเหนือน่านน้ำและชายฝั่งชาวดัตช์ก็เริ่มรุกคืบเข้าไปยังตัวเกาะศรีลังกาจนสามารถยึดครองได้ทั้งหมดในปีค.ศ. 1665 อาณาจักรกัณฏี (Kandy) จึงเป็นอาณาจักรราชาธิปไตยอาณาจักรสุดท้ายของศรีลังกา
ต่อมาในศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้เข้ามายึดครองศรีลังกา ช่วงปีค.ศ. 1796–1900 โดยเนเธอแลนด์ตกเป็นของฝรั่งเศส เมื่ออังกฤษสามารถเอาชนะฝรั่งเศสในสงคราม อังกฤษจึงยึดดินแดนในส่วนของดัตช์ไปได้โดยการทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส บริษัท บริติชอีสต์อินเดียเข้าไปทำกิจการการค้าในศรีลังกา และเรียกดินแดนแห่งนี้ว่าซีลอน (Ceylon) อังกฤษดำเนินธุรกิจผลิตชาซึ่งกลายเป็นชาซีลอนชื่อดัง กิจการเจริญรุ่งเรืองแต่ขาดแรงงานเนื่องจากชาวสิงหลนั้นมีจำนวนไม่มากพอและไม่ให้ยอมตกเป็นแรงงานของอังกฤษ จึงมีการนำแรงงานชาวทมิฬจากทางใต้ของอินเดียเข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นแรงงานและจะกลายเป็นปัญหาระหว่างชาติพันธุ์ในประเทศศรีลังกาในเวลาต่อมา
ในช่วงปลายของศตวรรษที่ 19 ลัทธิชาตินิยมได้เกิดขึ้นในศรีลังกาเกิดขบวนการฟื้นฟูพุทธศาสนาและเกิดการต่อต้านอังกฤษเรื่อยมา ทำให้บรรยากาศทางการเมืองเกิดความวุ่นวายในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวพื้นเมืองได้รับอิสรภาพจากอังกฤษในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1948 (พ.ศ. 2491) รัฐธรรมนูญฉบับแรกของศรีลังกาถูกบังคับใช้และมีการจัดตั้งสภา เพื่อการบริหารประเทศของตนเอง แต่ศรีลังกายังอยู่ในเครือจักรภพที่มีกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุข
ในปีค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) ศรีลังกาเปลี่ยนชื่อประเทศจากซีลอน เป็นศรีลังกาและก่อตั้งสาธารณรัฐศรีลังกาขึ้นมา รวมทั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกประกาศใช้ และให้มีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐในเชิงพิธีการเท่านั้น แต่อำนาจบริหารส่วนใหญ่ยังเป็นของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และศาสนาพุทธถูกยกให้เป็นศาสนาประจำชาติและภาษาสิงหลเป็นภาษาราชการ
ในปีค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2517) เมื่อเศรษฐกิจของศรีลังกาถดถอยอย่างต่อเนื่อง เพราะ พรรคการเมืองที่มีอำนาจเป็นรัฐบาลขณะนั้น มีการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นจนทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬขึ้น นำไปสู่สงครามกลางเมืองในช่วงทศวรรษที่ 1980 (พ.ศ. 2523) โดยชาวทมิฬบางส่วน เข้าร่วมการก่อตั้งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam/ LTTE) ทางตอนเหนือ จุดประสงค์เพื่อตั้งรัฐทมิฬขึ้น จึงเกิดการสู่รบระหว่างรัฐบาลศรีลังกาและกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมหลายครั้ง
ในปีค.ศ. 1983 (พ.ศ. 2526) เกิดการจลาจลต่อต้านชาวทมิฬในกรุงโคลัมโบและที่อื่นๆ มีการโจมตีบ้านเรือนและทำลายทรัพย์สินของชาวทมิฬ มีการผลักดันขับไล่ ส่งให้ปัญหาขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์รุนแรงยืดเยื้อต่อไปอีก แม้ว่าจะมีความพยายามสร้างสันติภาพขึ้นตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1990 (พ.ศ. 2553) โดนมีอินเดียเข้ามาร่วมการเจรจาสันติภาพด้วย กระทั่งในปีค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) จึงได้มีการเจรจาหยุดยิง แต่ก็ไม่สามารถยุติความรุนแรงลงได้ ในปีค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) สหภาพยุโรปกำหนดให้กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมเป็นองค์กรก่อการร้าย การสู้รบรุนแรงมากขึ้นกระทั้งในปีค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) รัฐบาลก็เอาชนะกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมและสังหารกลุ่มผู้นำได้ จึงจบฉากกลุ่มต่อต้านที่มีมานาน จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองในศรีลังกานับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523) มีจำนวนอยู่ระหว่าง 70,000 ถึง 80,000 คน โดยมีผู้ลี้ภัยและพลัดถิ่นเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นคน หลังจากสิ้นสุดสงครามศรีลังกาพยายามฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจโดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศ ทำให้ประเทศค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นและตัวเลขประชากรที่ยากจนก็ค่อยๆ ลดลง แต่ก็ยังต้องประสบปัญหาหนี้สินจากการกู้ยืม
CULTURE
ศรีลังกาเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายและมีอารายธรรมมาอย่างยาวนานกว่า 2000 ปี โดยได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธนิกายเถรวาท มรดกทางวัฒนธรรมจากรากฐานทางศาสนานั้น ยังคงมีอิทธิพลแข็งแกร่งมากในภาคใต้และภาคกลาง รวมทั้งอิทธิพลของอินเดียใต้ยังพบเห็นได้ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเดิมกับวัฒนธรรมของตะวันตกที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคม เช่น ความนิยมในกีฬาคริกเก็ต (cricket) และอาหาร ศิลปะการแสดงที่มีชื่อเสียง เช่น ระบำคันดิ (Kandyan) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมการเฉลิงฉลองทางศาสนาในบริเวณอาณาจักรกัณฏี (Kandy)
รัฐบาลศรีลังกาได้ให้การส่งเสริมด้านศิลปะวัฒนธรรม โดยมีการบรรจุศิลปะการแสดงไว้ในหลักสูตรของโรงเรียน มีการฝึกขั้นสูงขึ้นไปในระดับวิทยาลัย และยังมีสถาบันเอกชนหลายแห่ง ภายใต้การดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม รวมไปถึงมรดกทางวัฒนธรรมแขนงอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ พิพธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ณ กรุง โคลัมโบ ซึ่งเป็นที่เก็บเอกสารทางประวัติศาสตร์และวัตถุทางโบราณคดีของประเทศ
FESTIVAL

เทศกาลแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว (Kandy Esala Perahera Festival)
เทศกาลกฎรคาม (Kataragama Festival)


เทศกาลวันวิสาขบูชา (Vesak Festival)
FOOD





Lamprais
เป็นอาหารที่ดัดแปลงมาจากเมนูลูกชิ้นเนื้อสไตล์ดัตช์ (frikkadels) ประกอบด้วยไข่ต้ม มะเขือยาว ลูกชิ้น frikkadels ผสมกับเนื้อ กระวาน กานพลู อบเชยและข้าว ห่อด้วยใบตองก่อนจะนำไปอบในอุณหภูมิต่ำหลายชั่วโมงจนสุกได้ที่
Kottu
เป็นผัดโรตี เมนูนี้เกิดขึ้นจากการนำวัตถุดิบที่เหลือมาทำใหม่ โดยนำแป้งโรตีหั่นชิ้นมาผัดกับเนื้อ ซอสถั่วเหลือ เครื่องเทศ ขิงและกระเทียม บนกระทะแบน เป็นอาหารเรียบง่ายที่พบได้ทั่วไป
Dhal curry
เป็นแกงถั่วลิสงแดง ปรุงในน้ำกะทิ พร้อมหัวหอม มะเขือเทศ พริกเขียวและเครื่องเทศ เช่น ยี่หร่า ขมิ้น และใบเตย
แกงขนุน (Green jackfruit curry)
เป็นการนำเนื้อของขนุนที่ยังไม่สุกเรียกว่า polos มาหั่นชิ้นแล้วต้มจนนิ่ม จากนั้นปรุงด้วยหัวหอม กระเทียม ขิง เมล็ดมัสตาร์ด ขมิ้น พริก ผงกะหรี่ ใบเตย และน้ำกะทิในตอนท้าย เคี่ยวจนข้น
Watalappan
ขนมหวานที่ทานกันในโอกาสพิเศษ ได้รับอิทธิพลจากมลายูและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวมุสลิม
ในศรีลังกา ลักษณะคล้ายคัสตาร์ดไข่ โดยทำจากน้ำตาลโตนด กระทิ อบเชย กระวานและ
ลูกจันทน์เทศ ตกแต่งหน้าด้วยการโรยถั่ว
POLITICS
ศรีลังกาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข หัวหน้าฝ่ายบริหาร รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยตำแหน่ง แบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด บริหารงานโดยมีระบบสภา รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้หากได้รับเสียงข้างมากจาก 2 ใน 3 ของรัฐสภา พรรคการเมืองที่มีอำนาจมี 2 พรรคใหญ่คือ พรรค United National Party (UNP) และพรรค Sri Lanka Freedom Party (SLFP)

พรรคการเมือง
พรรค Sri Lanka Freedom Party (SLFP)
พรรคสหชาติ (United National Party-UNP)
พรรค Janatha Vimukthi Peramuna (JVP)
พรรคทมิฬแห่งชาติ (Tamil Nation Party-TNA)
ฝ่ายบริหาร
ประธานาธิบดีเป็นประมุขสูงสุด เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งและมีวาระอยู่ได้ถึง 6 ปี จำกัดการดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย ประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีและมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 19 ในปี 2558 กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้สองวาระซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการจำกัดวาระ รัฐสภาแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกมากกว่า 200 คน ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นประกอบด้วยสภาเทศบาลและสภาเมือง
ฝ่ายนิติบัญญติ
ฝ่ายตุลาการ
ระบบกฎหมาของศรีลังกามีความซับซ้อนสูงเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากหลายชาติ กฎหมายอาญาอิงตามกฎหมายอังกฤษเกือบทั้งหมด กฎหมายแพ่งมีพื้นฐานมาจากกฎหมายโรมันและกฎหมายดัตช์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการหย่าร้าง,แต่งงานและการรับมรดก มีการผสมกันระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและระบบกฎหมายสากล นอกจากนี้ยังมีกฎหมายศาสนา/ประเพณี ที่ยึดตามค่านิยมเดิมของชาวสิงหลเรียกว่ากฎหมาย Kandyan กฎหมาย Thesavalamai และกฎหมาย Sharia ซึ่งกฎหมายเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในกรณีพิเศษเท่านั้น
ศาลยุติธรรมของศรีลังกาประกอบด้วย 1.ศาลฎีกาเป็นศาลสูงสูงสุด 2.ศาลอุทธรณ์ 3.ศาลสูงและ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน ประธานศาลฎีกาทำหน้าที่ประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 คนได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ดำรงตำแหน่ง 4 ปี มีหน้าที่พิจารณาร่างกฎหมายมิให้ขัดรัฐธรรมนูญ
ECONOMY
มีระบบเศรษฐกิจแบบเสรีโดยใช้กลไกตลาดภาคบริการเป็นรายได้หลัก ศรีลังกามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง หลังจาก 30 ปีของสงครามกลางเมือง เศรษฐกิจของศรีลังกาเติบโตขึ้นเฉลี่ยนร้อยละ 5.6 ในช่วงปี 2533-2561 ที่ผ่านมา มีการพัฒนามากขึ้นทั้งด้านการคมนาคมและการท่องเที่ยว แต่การเติบโตก็มีการชะลอลงบ้างในช่วงปีหลังๆ ทั้งนี้ เศรษฐกิจศรีลังกาได้เปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจท้องถิ่นในชนบท มาเป็นเมืองที่เน้นการภาคการผลิตและการบริการมากขึ้น อัตราส่วนความยากจนของประเทศลดลงจากร้อยละ 15.3 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 4.1 ในปี 2559 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่รวดเร็วมาก แต่กระนั้นสัดส่วนของประชากรส่วนใหญ่ก็อยู่เลยเส้นความยากจนขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
แม้ว่าศรีลังกายังประสบกับความขัดแย้งทางการเมืองและก่อการร้าย โดยในเดือนเมษา 2562 ได้มีการวางระเบิดที่คร่าชีวิตผู้คนไป 250 คนรวมนักท่องเที่ยว ทำให้การเติบโตลดลงและคาดว่าจะกระทบต่อตัวเลขการลงทุนของเอกชนที่ไม่มั่นใจในความปลอดภัยรวมไปถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มที่จะลดต่ำลง เป็นผลให้การขาดดุลงบประมาณรายปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 6.0 ของ GDP ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 อัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP อยู่ที่ร้อยละ 82.9 และความต้องการทางการเงินขั้นต้นประจำปีประมาณร้อยละ 18 ของ GDP ซึ่งสูงที่สุดในหมู่ประเทศรายได้ปานกลาง ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีเสถียรภาพและความมั่นคงภายใน ศรีลังกาก็ยังมีข้อได้เปรียบเนื่องจากได้รับสถานะพิเศษทางการค้าจากสหภาพยุโรปให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีไปยังยุโรปได้ จึงทำให้มีโรงงานต่างชาติเข้าไปลงทุน เช่น ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารแปรรูปและเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
รัฐบาลศรีลังกามีนโยบายบริหารกิจการสำคัญต่างๆ เองและมีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งที่การพึ่งพาเงินกู้เพื่อการพัฒนา ทั้งเงินช่วยเหลือให้เปล่าและเงินลงทุนจากต่างชาติ โดยมีการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ประเทศ ญี่ปุ่น อิหร่าน จีนซึ่งเป็นผู้กู้รายใหญ่สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และจากประเทศอื่นๆ ทำให้หนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่สูง ร้อยละ 54 ของหนี้สินทั้งหมดเป็นเงินตราต่างประเทศ
แผนการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต ศรีลังกาได้ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในมหาสมุทรอินเดีย โดยการปรับปรุงท่าเรือให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับสินค้า (โครงการจากจีน) รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น การยกเว้นภาษี 3-15 ปี การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เป็นต้น รวมทั้งมีการวางยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาประเทศเพื่อยกฐานะขึ้นเป็นประเทศในกลุ่ม upper middle-income โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนมุ่งพัฒนาด้าน Human Capital
รายได้หลักของประเทศ
ธุรกิจภาคการบริการเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา เนื่องจากทำให้เกิดการจ้างงานถึงร้อยละ 45 และมีสัดส่วนรายได้ประมาณร้อยละ 60 ของ GDP โดยรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การธนาคารการเงิน และการให้บริการด้านการค้า (บริการนำเข้าส่งออกและการจัดการระหว่างประเทศ) สอดคล้องกับนโยบายการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในมหาสมุทรอินเดียและการก่อสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ เพื่อส่งเสริมธุรกิจในภาคเศรษฐกิจการบริการนี้
นอกจากนี้ ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน ภาคอุตสาหกรรมการผลิตคิดเป็นร้อยละ 30 ของ GDP และมีการจ้างงานร้อยละ 17 ของจำนวนแรงงาน อุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ การผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์เซรามิก ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม น้ำมันพืช ปุ๋ยและปูนซีเมนต์ เป็นต้น ส่วนภาคการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 21 ของGDP มีการจ้างงานร้อยละ 38 ของแรงงานทั้งหมด พืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ชา มะพร้าว ยางพารา โดยเฉพาะชาซีลอนถือว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อของศรีลังกาและเป็นผู้ส่งออกชาดำอันดับ 1 ของโลก

การท่องเที่ยว
ศรีลังกามีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการเปิดตัว รีสอร์ท โรงแรมและสปาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม อารยธรรมโบราณ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เที่ยวชมไร่ชา เป็นต้น ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวศรีลังกา (SLTDAระบุว่า) ในปี 2018 มีนักท่องเที่ยวกว่า 1.9 ล้านคน โดยกลุ่มประเทศที่นิยมมาเที่ยวศรีลังกา 5 อันดับแรกได้แก่ อินเดีย จีน อังกฤษ รัสเซียและออสเตรเลีย
การท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกลายเป็นแหล่งการจ้างงานและรายได้สำหรับคนยากจน ผู้มีทักษะต่ำและคนในพื้นที่ชนบทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการจ้างงานนอกระบบสูง เช่น รับจ้างขนส่งนักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ชาวบ้าo การเปิดโฮมสเตย์ โดยสื่อออนไลน์มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมการพัฒนาและปรับตัวของแรงงานในภาคการท่องเที่ยวได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามเหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบทำให้จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลง แต่ทางการศรีลังกาก็ตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยให้ได้ถึง 10 ล้านคนภายในห้าปีต่อจากนี้
DIPLOMATIC RELATIONS BETWEEN THAILAND
ไทยและศรีลังกาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับอัครราชทูต เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2498 และยกระดับความสัมพันธ์เป็นระดับเอกอัครราชทูตเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2504 ความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยและศรีลังกามีความใกล้ชิดทางศาสนาและวัฒนธรรม เนื่องจากทั้งสองประเทศนับถือพุทธศาสนา
ด้านเศรษฐกิจ ศรีลังกาเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ รองจากอินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ มูลค้าการค้าในหลายปีที่ผ่านมาเฉลี่ยนอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2560 การค้ารวมระหว่างไทยและศรีลังกามีมูลค่า 512.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.7 จากปี 2559 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า สินค้าที่ไทยนำเข้าจากศรีลังกา ได้แก่ อัญมณี พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์ ประเทศไทยมีการลงทุนในศรีลังกา กว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ธุรกิจไทยที่เข้าไปร่วมทุนในศรีลังกา ได้แก่ Bischoff Gamma Lanka Hilburn College AMS International Lease Group Siam City Cement ลาวี่ เอ็นจิเนียริ่ง ซีพีนาราไทย นิคมโรจนะ Minor Group Centara ดุสิต และ Onyx โดยความร่วมมือที่ไทยมีกับ คือ การเกษตร การประมง อัญมณีและเครื่องประดับ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และบรรจุภัณฑ์
ในปี 2561 ไทยและศรีลังกาได้ยกระดับสถานะเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ” ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและการเปิดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน โดยจะเร่งรัดให้มีการเปิดการเจรจาและขับเคลื่อนในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ก่อน หากสำเร็จทั้งสองฝ่ายจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางการค้าเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการหารือในด้านการส่งเสริมความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงและคมนาคมในภูมิภาคภายใต้แผนแม่บทด้านความเชื่อมโยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบ BIMSTEC ซึ่งศรีลังกามีศักยภาพและสามารถมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาท่าเรือและความเชื่อมโยงทางทะเลภายใต้แผนแม่บทด้านการคมนาคม BIMSTEC ได้
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและสนับสนุนความร่วมมือเชิงวัฒนธรรม โดยศรีลังกามองไทยเป็นต้นแบบของการพัฒนาการท่องเที่ยว และต้องการความช่วยเหลือจากไทยในด้านดังกล่าว
References
– https://www.britannica.com/place/Sri-Lanka
– https://www.worldbank.org/en/country/srilanka/overview
– http://www.thaiembassy.org/colombo/th/home
– http://slembbkk.com/index.html
– https://www.indexmundi.com/sri_lanka/
– https://worldpopulationreview.com/countries/sri-lanka-population/
– http://www.thaibiz.net/th/market/Democratic-Socialist-Republic-of-Sri-Lanka
– https://www.ditp.go.th/contents_attach/550348/550348.pdf
– https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/807589
– https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/26492
– https://www.bbcgoodfood.com/howto/guide/top-10-foods-try-sri-lanka
– https://www.indiaodysseytours.com/knows/best-festivals-in-sri-lanka.html
– https://www.nationsencyclopedia.com/economies/Asia-and-the-Pacific/Sri-Lanka-OVERVIEW-
F-ECONOMY.html
– https://lmd.lk/what-are-the-main-contributing-sectors-of-sri-lankas-economy/
– https://www.ditp.go.th/contents_attach/550348/550348.pdf
– https://www.nia.go.th/niaweb59/Data2562.pdf
Photo credit :
– Nine Arches Bridge, Ella, Sri Lanka Photo by Anton Lecock on Unsplash
– Sri Lanka – Tea plantation Photo by Jaromír Kavan on Unsplash
– A photo of Marine Drive, Colombo Photo by Farhath Firows on Unsplash
– Lamprais by Twitter @PhuckYou_ on
https://twitter.com/PhuckYou_/status/1078661468092911617/photo/1
– Kottu Rotti by Cheap Appetite on https://squintingeyes.wordpress.com/2010/11/08/kottu-rotti-at-canra-sri-lankan-cuisine/
– Dhal curry by Roti n Rice on https://www.rotinrice.com/dhal-curry/
– Green jackfruit curry Spice by Trip with Paulami on https://spicetrip.nl/sri-lankan-green-jackfruit-curry/
– Watalappan by TripAdvisor on https://media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-s/0f/c9/ba/8e/watalappan-delectable.jpg
– Kataragama Perahera by Daily News on http://www.dailynews.lk/2017/12/02/local/136210/kataragama-perahera-december-2
– Vesak Festival (Lantern Festival) by Sri Padmasambhava Buddhist
Centre on http://sripadma.org/2017/05/16/vesak-festival-lantern-festival/
– Kandy Esala Perahera Festival by TripAdvisor on https://www.tripadvisor.com/AttractionProductReview–g1500185-d17618231-2_Day_Kandy_Esala_Perahera_excursion-
– Katunayake_Negombo_Western_Province.html#/media/17618231/-1:p/?focusedIndex=0
– Sri Lankan Dhal Curry by Wandering Wafflehands on http://wanderingwafflehands.com/2018/12/03/sri-lankan-dhal-curry-vegan/