โดย ธันย์ชนก รื่นถวิล
นักวิจัยผู้ช่วยประจำศูนย์เอเชียใต้ศึกษา
สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรื่องราวของ ‘ณิชา’ เด็กหญิงวัยสิบสองขวบเจ้าของสมุดบันทึกที่ได้รับมาเป็นของขวัญวันเกิด เรื่องราวในสมุดบันทึกเขียนถึง แม่ สาวมุสลิมผู้จากไปแล้วของเธอ เล่าเรื่องราวชีวิต ความเป็นไปของครอบครัวที่มีพ่อที่เป็นชาวฮินดู ทั้งการพลัดพราก และตัวตนของตัวเธอระหว่างการเดินทางจากเมืองมีร์ปุรคัสไปยังเมืองโชธปุระ ในช่วงเวลาของการแบ่งแยกประเทศระหว่างปากีสถานและอินเดีย
บันทึกที่ไม่มีผู้อ่านและไม่อาจลงที่อยู่ของผู้เขียนได้อย่างชัดเจน
เรื่องราวของณิชาไม่ใช้บันทึกการเดินทางที่สนุกสนานหรือพบอะไรน่าตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด แต่เป็นการออกเดินทางเพื่อให้ตนเองยังมีชีวิตรอดปลอดภัยต่างหาก เรื่องราวของเธอเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อปี ค.ศ.1947 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ จากการเรียกร้องเอกราชอันยาวนาน ผ่านการตกลงของเหล่าผู้มีอำนาจในหน้าประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ลอร์ดเมานต์แบตเทน มูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ ยวาหร์ลาล เนห์รู รวมทั้งมหาตมา คานธี เหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้เกิดการแบ่งแยกประเทศ กลายเป็นประเทศปากีสถานและประเทศอินเดียผ่านเส้นเขตแดนที่ถูกขีดขึ้นใหม่นี้
พื้นที่และศาสนาจึงกลายเป็นเรื่องเดียวกัน เส้นเขตแดนได้ทำให้เกิดความตึงเครียดและเหตุการณ์ความขัดแย้งหลายครั้งตามมา ผ่านเส้นทางการอพยพของผู้คนครั้งใหญ่ ทั้งกลุ่มชาวมุสลิมผู้อพยพเข้าสู่ปากีสถาน และกลุ่มชาวฮินดูและซิกข์ผู้กำลังอพยพเข้าสู่อินเดีย ผู้คนที่ต่างต้องละทิ้งตัวตนและบ้านของตนเองไปสู่ที่ทางใหม่ ผู้คนนับล้านต้องเดินทางข้ามพรมแดนเส้นนี้ เพื่อลงหลักปักฐานและแสวงหาชีวิตใหม่ บ้างมีชีวิตรอด บ้างก็ไม่
ความโกลาหลเหล่านี้บีบบังคับให้เธอต้องจากบ้านไป เพื่อรักษาชีวิตให้รอดไปจนถึงบ้านใหม่ ในบันทึกบอกเล่าถึงรายละเอียดความยากลำบากในการเดินทาง ความรู้สึกนึกคิดของตัวเธอ เรื่องราวของผู้คนที่เธอพบระหว่างทาง ผู้คนที่มุ่งหน้าไปสู่รถไฟสายเดียวกัน ด้วยความหวังเดียวว่ามันจะพาพวกเขาไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ณิชาเองก็หวังว่าฝันร้ายของเธอจะจบลงสักวันหนึ่ง
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การพัฒนาความเชี่ยวชาญเอเชียใต้ศึกษา South Asian Experts”
ที่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)