เมื่อพูดถึงเนปาล การไปพิชิตยอดเขาหิมาลัยย่อมเป็นจุดมุ่งหมายของใครหลายคน แต่เรารู้จักชาวไทยเชื้อสายเนปาลมากเท่าไร? คำถามเริ่มต้นที่ชวนทุกคนไปทำความรู้จักกับชาวไทยเชื้อสายเนปาล พวกเขาเป็นใคร พวกเขามาจากไหน และมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร สายสัมพันธ์จากหิมาลัยสู่ไทยแลนด์ อาจใกล้กันกว่าที่คุณคิด
Mappingextremism
โดย ดร. อับดุรเราะฮหมาน มูเก็ม นักวิจัยประจำศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ครั้งแรกที่ MAPPING EXTREMISM IN SOUTH ASIA วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 https://xstremarea.home.blog/2019/11/14/babri-mosque-ram-temple-case/ ภาพความขัดแย้งในเอเชียใต้ได้ฉายซ้ำให้เราและท่านทั้งหลายเห็นอยู่เป็นประจำ จนบางครั้งหลายคนอาจรู้สึกว่า “ภาพเหล่านี้เริ่มกลายเป็นความเคยชินไปโดยปริยาย” ก่อนหน้านี้หลายคนคงรับรู้ความขัดแย้งในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดีย หลังจากรัฐบาลนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ผู้นำพรรคภารติยะ ชนะตะ (BJP) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมาเพื่อเปลี่ยนสถานะของพื้นที่ดังกล่าวผ่านนโยบาย “สันติภาพในแคชเมียร์” ที่พรรค BJP ได้โฆษณาหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2019 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในเวลาต่อมา สำหรับพรรค BJP ถือว่าการจัดการ “สันติภาพในแคชเมียร์” นั้นเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อขอบคุณชาวอินเดียที่ได้โหวตให้ตนได้ทำหน้าที่รัฐบาลในสมัยที่ 2 ทั้งฝ่ายพรรคภารติยะ ชนะตะ (BJP) และพรรคครองเกรสแห่งอินเดีย […]
คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการกระทำของชาวมุสลิมหรือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่มีต่อผู้นับถือศาสนาอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ก็มีแนวคิดสุดโต่งด้วยเช่นกัน ดังที่จะเห็นได้จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ชาวพุทธในประเทศศรีลังกาและเมียนมา กระทำต่อผู้ที่นับถือศาสนาอื่น โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม แม้กระทั่งในประเทศไทยเอง ก็มีการแสดงออกที่สะท้อนลัทธิสุดโต่งด้วย เพียงแต่การกระทำเหล่านั้น รับรู้กันในวงจำกัด
ขณะเรา “เคลื่อนวิถีโลก” และ “ผลักวิธีคิด” ของผู้คนไปสบตา “สันติภาพ” และความสวยงามของ “สันติวิธี” วันที่ 15 มีนาคม 2562 เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ “ถีบ” เรากลับไปจมดิ่งใต้วงล้อมของความรุนแรงอีกรอบ เมื่อกระบอกปืน “เปล่งเสียง” และ “เหนี่ยวไก” เร็วกว่า “งานสันติภาพ” ที่เรากำลังเข้าใกล้ ส่งผลให้ผู้คน 49 ชีวิตล้มตายและบาดเจ็บกว่า 40 คนด้วยการถูกกราดยิงในมัสยิดในวันศุกร์
แนวคิดลัทธิสุดโต่งในทัศนะของอิสลาม เกิดจากสาเหตุอีกหลายๆ ปัจจัย ทั้งในด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม อุดมการณ์ทางการเมือง ชาติพันธุ์ สภาพแวดล้อมของความรุนแรง เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมในทิศทางที่ตนเองปรารถนา
โดย ดร.บัณฑิต อารอมัน นักวิจัยประจำศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ครั้งแรกที่ MAPPING EXTREMISM IN SOUTH ASIA วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 https://xstremarea.home.blog/2019/02/13/147/ มัดดารอซะฮ์ (Madrasa) เป็นคำมาจากภาษาอาหรับ แปลว่า สถานศึกษาหรือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับวิชาศาสนกิจของศาสนาอิสลาม เน้นการเรียนการสอนในวิชาคำภีร์อัลกรุอาน วิชาฮาดิษ (คำสอนของศาสดามูฮำหมัด) วิชากฎหมายอิสลาม หลักจริยธรรมอิสลาม ปัจจุบันมัดดารอซะฮ์ได้ปรับให้มีวิชาสามัญผสมผสานอยู่ในหลักสูตรด้วย อาทิ วิทยาศาสตร์ กฎหมาย สังคมศึกษา เป็นต้น มัดดารอซะฮ์จึงเป็นสถานศึกษาที่ที่ผู้ปกครองชาวมุสลิมมุ่งหวังให้ลูกหลานของตนเองได้เรียนทั้งศาสนาและสามัญควบคู่กันไป โดยใช้หลักการของศาสนาอิสลาม มีคำภีร์อัลกรุอานเป็นทางนำของการพัฒนาองค์ความรู้ในทุกๆ แขนงวิชา ชาวมุสลิมเชื่อว่าคำภีร์อัลกรุอานถือเป็นหลักคำสอนโดยตรงจากพระองค์อัลลอฮ (ซบ.) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องสนับสนุนให้บุตรหลานได้เล่าเรียน และเป็นกุญแจสำคัญของทางนำชีวิตในโลกนี้ สถานศึกษามัดดารอซะฮมีความแตกต่างจากโรงเรียนทั่วๆ ไป กล่าวคือ นักเรียนที่เข้ามาเรียนใน มัดดารอซะฮ์จะต้องมาพำนักอยู่ในโรงเรียน โดยแยกสัดส่วนระหว่างนักเรียนชายกับนักเรียนหญิง มีการปฏิบัติศาสนกิจร่วมกัน อาทิ […]
เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ภาพของกลุ่มพระภิกษุในเมียนมาออกมาร่วมประท้วงร่วมกับชาวพุทธเพื่อเรียกร้องและผลักดันให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาออกนอกประเทศ การก่อการจราจลและการใช้ความรุนแรงของชาวพุทธในเมียนมาต่อชาวมุสลิมในเมียนมา ทำให้มีการตั้งคำถามถึงแนวคิดของพุทธศาสนา ที่เน้นเรื่องความไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายผู้อื่น แต่เหตุใดพระภิกษุสงฆ์ถึงมาร่วมในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ด้วย
รากฐานของความวุ่นวายของสังคมมุสลิมในปัจจุบัน มิได้เกิดจากตัวบทของศาสนา แต่เกิดจากผู้ใช้หลักการทางศาสนาครึ่งใบในการนำแนวคิดการต่อสู้ และใช้ความรุนแรงโดยอ้างศาสนามาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงทางความคิด เปลี่ยนแปลงอุดุมการณ์ จนสร้างกลุ่มก้อนของแนวคิดสุดโต่งในสังคม เพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จนนำมาสู่การใช้ความรุนแรงตอบโต้กัน
โดย จตุพร สุวรรณสุขุม นักวิจัยประจำศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ครั้งแรกที่ MAPPING EXTREMISM IN SOUTH ASIA วันที่ 4 มีนาคม 2562 https://xstremarea.home.blog/2019/03/04/0403/ เมื่อพูดถึงกลุ่มสุดโต่งซิกข์คนไทยอาจคิดไม่ออกว่าลักษณะเป็นอย่างไร เนื่องจากในประเทศไทยกลุ่มชาวซิกข์ที่อพยพย้ายถิ่นเข้ามานั้นมีความกลมกลืนกับวัฒนธรรม ประเพณีของไทย และสามารถอยู่ร่วมกันกับผู้ตนท้องถิ่นได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากเราศึกษาปัญหาความรุนแรงที่กลุ่มสุดโต่งซิกข์เคลื่อนไหวในแถบเอเชียใต้ ต้นกำเนิดของความรุนแรงนั้นก็เป็นปัจจัยที่เราสามารถเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ให้เป็นภูมิคุ้มกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต Khalistan Movement Khalistan Movement คือกลุ่มสุดโต่งที่มีความต้องการแบ่งแยกดินแดนเพื่อก่อตั้งประเทศ Khalistan มีความหมายว่าดินแดนอันบริสุทธิ์ บริเวณภูมิภาคปัญจาบ (ทั้งในส่วนของอินเดียและปากีสถาน) เพื่อต้องการสร้างความเป็นเอกเทศภายใต้ดินแดนที่เป็นเชื้อสายชาวปัญจาบทั้งที่อยู่ในอินเดียและปากีสถาน นอกจากนี้ยังรวมถึงส่วนอื่นๆในประเทศอินเดียเช่น ฮายาน่า หิมาจัลประเทศ ราชาสถาน จามูและแคชเมียร์ ภายหลังการได้รับเอกราชของอินเดีย การเคลื่อนไหวจะเกิดภายใต้รูปแบบการทำงานของพรรคการเมือง Akali Dal โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือแบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ Khalistan หรืออย่างน้อยที่สุดต้องได้สถานะเป็นรัฐอิสระภายใต้รัฐบาลอินเดีย จากสถานการณ์การแบ่งประเทศที่ทำให้เกิดการจราจล การนองเลือด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปมเรื่องความเชื่อทางศาสนา ทางพรรคจึงใช้ประเด็นนี้ในการเรียกร้องซึ่งถูกปฏิเสธจากทางรัฐบาลอินเดีย […]
สาเหตุของความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถาน จนนำไปสู่การตอบโต้ทางทหาร และอาจเป็นประเด็นที่จะเป็นฉนวนสงคราม คือ ปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้าย Jaish-e-Mohammad, JeM (ทหารของศาสดามูฮำหมัด) ซึ่งได้ก่อการร้ายในเมือง Pulwawa ในแคว้นแคชเมียร์ของอินเดียในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นความรุนแรงในรอบหลายสิบปีที่ประสบต่อคนที่สำคัญด้านความมั่นคงของอินเดีย