โดย ผศ.สุรัตน์ โหราชัยกุล
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ครั้งหนึ่ง เชอร์ วินสตัน เชอร์ชิล (Sir Winston Churchill) ผู้มีฉายาว่า “บริติช บูลด็อก” (British Bulldog) เคยเรียกมหาตมา คานธีว่า “ผู้บำเพ็ญตบะเปลือยครึ่งตัว” (half-naked fakir) อันสื่อให้เห็นไม่น้อยเลยว่า ทั้งสองมาจากโลกที่แตกต่างกันมาก อาจกล่าวได้ด้วยว่า ปรัชญาและการดำเนินชีวิตของทั้งสองแทบอยู่คนละฝั่งกันโดยสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ ขณะที่คานธีต้องการให้อินเดียเป็นอิสระจากบริติชราช แต่เชอร์ชิลดื้อดึงไม่ยอมให้สถานภาพเช่นนั้นแก่อินเดีย
ในหนังสือ “GANDHI AND CHURCHILL: THE EPIC RIVALRY THAT DESTROYED AN EMPIRE AND FORGED OUR AGE” เล่มนี้ อาเธอร์ เฮอร์แมน (Arthur Herman) นักประวัติศาสตร์ผู้เคยสังกัดหลายองค์กรสำคัญ และเคยผลิตผลงานทางวิชาการมาแล้วจำนวนมาก ได้นำเสนอเรื่องราวที่เกินกว่าเพียงการพรรณนาชีวประวัติของทั้งสอง
หนังสือเล่มนี้มีสาระสำคัญมากมาย แต่ที่ชอบมากมีอยู่ 2 ประเด็น คือ (1) ความขัดแย้งสำคัญระหว่างคานธีกับเชอร์ชิลเป็นเรื่องศาสนา และ (2) เราไม่อาจเข้าใจชีวิตการเมืองของเชอร์ชิลได้ หากไม่เข้าใจอิทธิพลของคานธีที่มีต่อเขา
ถ้าจะขยายความเรื่องแรกก็คือ คานธีมองว่าความประสงค์ของตนอิงอยู่กับความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ ที่ซึ่งประวัติศาสตร์และวัตถุสิ่งของใด ๆ หรือแม้แต่ร่างกายของคานธีเองไม่มีความหมายอะไรเลย ในทางตรงกันข้าม เชอร์ชิลกลับมองว่า ความหมายของชีวิตคือสิ่งที่ “ได้รับการทดสอบในขนบทางโลกและมนุษยนิยมที่ได้รับการทดสอบโดยประวัติศาสตร์และความขัดแย้งของมนุษย์ชั่วเวลาหลายศตวรรษ” หากคานธียึดมั่นว่า เสรีภาพคือการบรรลุขั้นสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้า เชอร์ชิลก็ยึดมั่นว่า เสรีภาพเป็นผลผลิตจากการดิ้นรนต่อสู้ เป็นการบรรลุขั้นสูงสุดของมนุษย์
จะอย่างไรก็ตามแต่ วันนี้ทั้ง Fakir และ Bulldog ก็ได้มาอยู่ใกล้กันแล้ว กล่าวคือ รูปปั้นของทั้งสองอยู่ใกล้ ๆ กันในละแวกรัฐสภาอังกฤษ ไม่แน่กลางคืนอาจจะเดินไปพบปะกันบ้างก็ได้
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การพัฒนาความเชี่ยวชาญเอเชียใต้ศึกษา South Asian Experts”
ที่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
Photo credit :
– https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/61ZlgOP1VGL.jpg