Billu : กาลครั้งหนึ่งที่บุดบุดดา

โดย ดลลดา ชื่นจันทร์

นักวิจัยผู้ช่วยประจำศูนย์เอเชียใต้ศึกษา 

สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ชาวอินเดียเป็นหนึ่งในชนชาติที่รักการชมภาพยนตร์มากที่สุด จากจำนวนภาพยนตร์กว่าพันเรื่องที่เข้าฉายในแต่ละปี และยอดการจำหน่ายตั๋วที่มากกว่าฮอลลีวูด ส่งผลให้อินเดียได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก [1] แม้จะมีคำกล่าวว่า เหตุที่ชาวอินเดียจำนวนมากคลั่งไคล้ในการชมภาพยนตร์มากขนาดนี้เป็นเพราะ พวกเขาต้องการหลีกหนีจากความเป็นจริงของชีวิตประจำวันที่ลำบากยากแค้น [2] โดยเข้าไปหลบหลงอยู่กับโลกในจินตนาการที่มีการร้องรำทำเพลง ธรรมะที่ชนะอธรรมเสมอ และจบลงด้วยความเปี่ยมสุขแบบที่ไม่อาจพบได้ในชีวิตจริง
หากเป็นดังนี้จริงก็อาจอนุมานได้ว่า ภาพยนตร์สำหรับชาวอินเดียไม่ใช่แค่สื่อบันเทิงเพื่อฆ่าเวลาเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่เป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้พวกเขาผ่านพ้นชีวิตไปได้ในแต่ละวัน และสิ่งหนึ่งที่สะท้อนถึงความเป็นไปได้ของข้อสันนิษฐานนี้คือ วัฒนธรรมการเชิดชูบูชานักแสดงในอินเดียดุจดั่งเทพเจ้า
ภาพยนตร์เรื่อง Billu สามารถนำเสนอวัฒนธรรมและค่านิยมนี้ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อบุดบุดดา เกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น เมื่อกองถ่ายภาพยนตร์ของนักแสดงอันดับหนึ่ง ซาร์ฮี ข่าน กำลังจะมาถ่ายทำในหมู่บ้านของพวกเขา ทำให้ บิลลู ช่างตัดผมที่กำลังขัดสนเงินทองชีวิตผกผันไปในทันทีในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนในวัยเด็กของซาร์ฮี เมื่อชาวบ้านรู้เรื่องนี้เข้าทุกคนต่างสรรเสริญบิลลูและครอบครัว และให้ของกำนัลมากมายแก่เขา ทำให้กิจการร้านตัดผมของเขากลับมาเฟื่องฟูไปด้วย แลกกับการที่บิลลูต้องรับปากทุกคนว่าจะพาซาร์ฮีมาพบคนในหมู่บ้านให้ได้ ทว่าบิลลู ผู้ซึ่งไม่แน่ใจว่าซาร์ฮีจะยังจำเขาได้อยู่หรือไม่ รวมทั้งเขายังรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถทำตามที่ชาวบ้านขอร้องได้ แต่ต้องแกล้งรับปากทุกคนเพื่อรักษาสถานภาพของตัวเองเอาไว้

คุณค่าของการเป็นคนดัง

การที่ซาร์ฮีมาเยือนหมู่บ้านของพวกเขาเป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนคลั่งไคล้ในตัวซาร์ฮี ทุกคนแห่แหนไปในทุกที่ที่กองถ่ายไป แม้กระทั่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนยังต้องการเชิญซาร์ฮีมาร่วมงานโรงเรียน เพราะ “เป็นเรื่องของ ศักดิ์ศรีของโรงเรียน” ที่จะทำให้โรงเรียนมีเกียรติยศเหนือโรงเรียนอื่นๆ

ภายใต้ความคลั่งไคล้สุดกู่นี้ น่าสนใจว่าซาร์ฮีไม่ได้เป็นแค่นักแสดงดัง แต่ความดังของเขากลับกลายเป็นคุณค่าและคุณธรรมสำคัญที่สามารถใช้เป็นมาตรวัดความดีงามได้ด้วย ความสนิทชิดเชื้อคนดังนี้ทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนให้ทุนการศึกษาแก่ลูกของบิลลู และกล่าวขอโทษต่อบิลลูที่ต่อว่าเขาและกล่าวชื่นชมว่า “บิลลูไม่ได้เป็นคนอย่างที่คิด” เพื่อนบ้านแต่งเพลงสรรเสริญบิลลูว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ในเนื้อเพลงมีคำเยินยอมากมายเสมือนว่าเขาได้ช่วยกอบกู้ชีวิตคนในหมู่บ้านไว้ ทั้งที่อันที่จริงเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากรู้จักกับคนดัง สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์และความรับรู้ที่คนในหมู่บ้านมีต่อบิลลูได้อย่างน่าประหลาด คำชื่นชมของผู้อำนวยการโรงเรียนก็สะท้อนความเป็นคนมีคุณธรรมของบิลลู

การรู้จักคนดังของบิลลูกลายเป็น “ความดีงาม” ที่ฝังเข้าเนื้อเข้าตัวของบิลลูได้อย่างไร

ไม่เพียงแต่ภาพลักษณ์ของเขาที่เปลี่ยนไป สถานภาพของเขาก็พลิกผันไปได้เพียงชั่วข้ามคืน จากที่เคยขัดสนก็เริ่มมีเงินทองขึ้นมา ซาร์ฮีนั้นเปรียบเสมือนเทพเจ้าผู้มาโปรดซึ่งสามารถพลิกชีวิตคน ให้พรชโลมจิตใจชาวบ้านในบุดบุดดา และทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขากลายเป็นผู้เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป 

การยึดโยงความดังเข้ากับความดีเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกังขาในเรื่องนี้ เมื่อมองมาที่ตัวซาร์ฮีเองก็น่าสนใจไม่แพ้บิลลู ภาพยนตร์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตัวตนของซาร์ฮี นอกจากเป็นมิตรต่อเหล่าแฟนๆ แล้วเขามีการกระทำดีอันใดบ้างถึงสมควรแก่การเป็นที่รักและเชิดชูขนาดนั้น

แม้จะดูเหนือจริง แต่ความชื่นชอบระดับนี้มีอยู่ในสังคมอินเดีย และมีคำอธิบายซึ่งมาจากรากทางวัฒนธรรมการบูชาของสังคมอินเดีย มีกลุ่มผู้ชื่นชอบและยกสถานะให้คนดังเป็นเสมือนเทพเจ้า ยึดคนเหล่านี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบสิ่งที่คนดังทำ [3] ไปจนถึงสร้างวิหารเพื่อบูชาคนดัง [4] ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจพบเห็นที่อื่นของโลก

ในวัฒนธรรมเดิมของอินเดีย โดยเฉพาะทางตอนใต้มีความเชื่อเรื่องการบูชาวีรบุรุษอยู่เป็นรากฐาน เมื่อความพร่าเลือนระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและภาพยนตร์เกิดขึ้นผู้คนจึงจับยึดวีรกรรมอันน่ายกย่องของตัวละครเอกในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการปราบเหล่าร้าย การช่วยคนอ่อนแอจากคนเลว และผดุงคุณธรรมเหล่านี้มาผูกไว้กับตัวนักแสดง เสมือนว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เป็นตำนานติดตัวนักแสดงดังผู้นั้น ที่ได้กลายเป็นคุณสมบัติและตัวตนของเขาไปจริงๆ ทำให้การปฏิบัติของแฟนคลับในหลายครั้งเป็นไปในลักษณะเดียวกับการบูชาเทพเจ้า ทั้งการถวายดอกไม้และเจิมรูปภาพด้วยนม [5]

ไม่ใช่ว่าบรรดาแฟนคลับไม่อาจแยกความเป็นจริงกับเรื่องแต่งได้ แต่ภาพลักษณ์จากการทำซ้ำของภาพยนตร์ที่ใช้ขนบเดิมซ้ำๆ ทำให้ลักษณะเฉพาะแบบวีรบุรุษฝังประทับเป็นเหมือนตราสินค้ากับตัวนักแสดงดังไปโดยปริยาย ที่สำคัญอีกประการหนึ่งภายใต้ประชากรกว่าพันล้าน หากมีคนซักกลุ่มหนึ่งสามารถพลิกชีวิตตนเอง หรือสามารถโผล่ขึ้นมาโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้ก็นับว่าเป็นสิ่งพิเศษ เพราะความโด่งดังนั้นนำมาซึ่งเงินทอง ผู้คน โอกาส ความดังเปลี่ยนชีวิตคนได้ ความดังจึงน่าบูชาเพราะมันให้ผลลัพท์ไม่ต่างจากพรวิเศษของพระเจ้า ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่บารมีและอิทธิฤทธิ์ของซาร์ฮีที่มีเพียงแค่ความดังจะสามารถเปลี่ยนหมู่บ้านธรรมดาให้กลายเป็นสถานที่สำคัญ และสะท้อนความเป็นสมมติเทพที่สังคมมอบให้แก่เขาได้อย่างชัดเจน

เทพนิยายประโลมโลก

ลักษณะพิเศษของภาพยนตร์อินเดียกระแสหลักที่กุมจิตใจเหล่าผู้ชื่นชอบไว้ได้อย่างมากมาย หรือที่ถูกเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ “มาซาลา” อันเป็นชื่อของเครื่องเทศในอาหารอินเดียที่มีความกลมกล่อมจัดจ้านในทุกรสชาติ ภาพยนตร์มาซาลาจึงเป็นลักษณะของภาพยนตร์ที่มีครบทุกอารมณ์ทั้งสุข เศร้า ตื่นเต้น ล้วนให้ความเปี่ยมสุขแก่ผู้ชมหลังจากที่ภาพยนตร์จบลงทั้งสิ้น
Billu ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งความตลก การร้องรำทำเพลง ความตื่นเต้นกดดัน ความผิดหวัง และสุขสมหวังอบอุ่นหัวใจในตอนจบ แต่ทว่าภายใต้ความสนุกสนานรื่นเริงกลับสะท้อนความจริงอย่างน่าใจหาย เรื่องราวของบิลลูก็เหมือนกับซินเดอเรลล่า จากคนตัวเล็กๆ ที่ไม่อาจกำหนดโชคชะตาของตนเองได้ ทำได้เพียงแต่รอวันหนึ่งจะมีเจ้าชาย หรือผู้สูงศักดิ์ซักคนมาพาตนออกจากสถานภาพสิ้นหวังและทนทุกข์นี้ไปได้

เรื่องราวชีวิตของบิลลูสอดคล้องกับชีวิตจริงของคนอินเดียจำนวนมากที่อยู่ในสังคมที่มีชนชั้นวรรณะ ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคในการดำรงชีพมากมาย ทำให้คนจำนวนหลายล้านคนต้องอยู่กับความขัดสนที่ไม่สามารถหลุดพ้นสถานภาพที่เป็นอยู่ได้ น่าเศร้าไปกว่านั้นคือ พวกเขาศิโรราบต่อชะตากรรมของตนเอง โดยไม่ต่อต้านหรือไม่อาจขัดขืน วัฒนธรรมการเชิดชูบูชาตัวบุคคล อย่างคนดังก็สะท้อนถึงความไม่เคารพตัวเอง และการมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ความฝัน ความหวัง และแม้แต่ทิศทางชีวิตของพวกเขาจึงต้องพึ่งพิงอยู่กับสิ่งอื่นที่เชื่อว่าอยู่สูงกว่า การปลอบประโลมใจตนเองและการอ้อนวอนบูชาจึงเป็นทางออก เป็นวิธีดิ้นรนในที่ทางเท่าที่ทำได้ใต้สภาพสังคมที่บีบรัดให้ผู้คนเชื่อว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง

ทั้งนี้ไม่ว่าจะด้วยวิถีปฏิบัติที่เป็นมาอย่างยาวนาน หรือความเข้าใจที่มีต่อความเป็นไปของโลกแบบเฉพาะตัวประการใดก็ตาม ความจนแต้มต่อชีวิตตนเองนี้เป็นเสมือนกงล้อที่หมุนวนขับเคลื่อนความเป็นไปของสังคม กำหนดการกระทำของชนชั้นกรรมาชีพให้ดำเนินไปในแต่ละวัน และผลักดันให้คนจำนวนหลายล้านคนเดินเข้าโรงภาพยนตร์ เพื่อเสพความบันเทิงและเติมพลังใจต่อไป

ภาพยนตร์เรื่อง Billu ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างสมบูรณ์ ผ่านเรื่องราวสนุกสนานดั่งเทพนิยายอีกเรื่องที่พาให้ผู้คนมีความหวังในสิ่งที่เหลือเชื่อเกินจะเป็นจริง เพื่อกลับบ้านนอนหลับฝันดีไปอีกวัน

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การพัฒนาความเชี่ยวชาญเอเชียใต้ศึกษา South Asian Experts”

ที่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

References

[1] https://www.insightguides.com/destinations/asia-pacific/india/cultural-features/ indian-cinema

[2] Sinha, R. How Does Indian Cinema Communicate with Indian Viewers?

[3] https://www.indianfolk.com/celebrity-influence-public/

[4] https://www.aljazeera.com/features/2014/3/21/hero-worship-scales-new-heights-in-india

[5] Selvan, P. P., & Brindha, M. D. CINEMA AND CULTURE: AN OVERVIEW ON IMAGE WORSHIP OF FILM STARS IN TAMIL NADU

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *