โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ฉัตราติชาต
ศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทุกวันที่ 25 เมษายน คือวันเสรีภาพ (Dia da Liberdade, Freedom Day) ของประเทศโปรตุเกส และเป็นวันหยุดประจำชาติอีกด้วย เพราะเมื่อ 50 ปีที่แล้ว (25 เมษายน 1974 หรือ พ.ศ. 2517) เป็นวันที่ทหารโดยคณะกองกำลังแห่งชาติ ทำการปฏิวัติล้มล้างระบอบเผด็จการของกลุ่มเอสตาโด โนโว (Estado Novo, New State, รัฐใหม่) ที่ปกครองประเทศมานานกว่า 40 ปี แต่ความสำเร็จของการปฏิวัติครั้งนี้เป็นผลจากการรณรงค์ต่อต้านของพลเมืองที่เกิดควบคู่กันไปด้วย การปฏิวัติครั้งนั้นทำให้โปรตุเกสเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะเกิดการปกครองแบบประชาธิปไตย และสิ้นสุดสงครามอาณานิคมในแอฟริกาด้วย
การปฏิวัติครั้งนั้นแทบจะไม่เสียกระสุนเลย ทำให้ตอนที่ประชาชนออกมาเฉลิมฉลองความสำเร็จ ก็เลยเอาดอกคาร์เนชั่นเสียบเข้าที่ปากกระบอกปืนและเครื่องแบบทหาร จึงทำให้การปฏิวัติ 25 เมษายน เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า “การปฏิวัติคาร์เนชั่น” (Revolução dos Cravos, Carnation Revolution)
ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปชมนิทรรศการ 2 แห่งที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับขบวนการต่อต้านและเสรีภาพของโปรตุเกส โดยที่แรกจะพาไปคือ Museu do Aljube Resistência e Liberdade แค่อ่านชื่อภาษาโปรตุเกสก็คงพอเดาได้ใช่ไหมคะว่ามีคีย์เวิร์ด 2 คำที่โดดเด่นขึ้นมา ที่นี่คือ Aljube Museum Resistance and Freedom และอีกที่คือ Museu de Lisboa หรือ Museum of Lisbon ซึ่งจัดนิทรรศการชั่วคราวเรื่อง Lisbon in Revolution ค่ะ
Museu do Aljube Resistência e Liberdade
เข้าใจประวัติศาสตร์การเมืองแบบสรุปย่อ
Without Memory: There is no Future
Lisbon in Revolution, 1383-1974 (Museu de Lisboa)
การปฏิวัติคาร์เนชัน (25 เมษายน 1974)
ผู้หญิงกับขบวนการปฏิวัติ
ระบอบสาธารณรัฐกับการโฆษณาชวนเชื่อ
บทความนี้เป็นประสบการณ์จากการเดินทางในฐานะนักวิจัยแลกเปลี่ยน ภายใต้โครงการ Marie Curie Research and Innovation Staff Exchange scheme within the H2020 Programme (LABOUR Project)